UFABETWIN เมื่อพูดดาร์บี้อันดับต้น ๆ ในฟุตบอลอังกฤษ เชลซี vs ท็อตแนม ฮอตสเปอร์
UFABETWIN อาจไม่ใช่คู่แรกที่คุณนึกถึง แต่ถ้าคุณนึกภาพเกมที่พวกเขาลงสนามดวลกันแต่ละนัดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคุณอาจจะเริ่มเอะใจได้บ้างว่าทำไมทั้งสองทีมจึงใส่กันไฟแลบ
และมีประเด็นหลังเกมเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้ นี่คือเรื่องราวความเป็นอริที่ก่อตัวขึ้นมาในช่วง 50 ปีหลัง จากเกมนัดชิง เอฟเอ คัพ ท่ามกลางความวุ่นวายของแฟนบอลกว่า 1 แสนคน มาจนถึงการเตะกันยับ
และการจับมือของ อันโตนิโอ คอนเต้ และ โทมัส ทูเคิล พบกับเบื้องหลังของความขัดแย้งที่ไม่ธรรมดาของทั้งสองทีม การขึ้นมาเป็นอริหมายเลข 1 คุณอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวความบาดหมางของทีมอย่าง สเปอร์ส และ อาร์เซนอล
จากการเป็นทีมร่วมเมือง หรือ เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มาจากการเป็นคู่แข่งเบียดแย่งแชมป์กันในช่วงกลางยุค 2000s แต่จากการสำรวจของสื่ออย่าง ดิ แอธเลติก ที่ได้ถามแฟนเชลซีว่า “ทีมไหนที่พวกเขาเกลียดที่สุด”
คำตอบที่ได้คือ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เหนือกว่าทีมร่วมลอนดอนเหนืออย่าง อาร์เซนอล หรืออดีตผู้เคยร่วมขับเคี่ยวอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ถ้าจะถามว่าทำไมอยู่ดี ๆ สเปอร์สและเชลซีถึงเกลียดกัน ?
เรื่องนี้คงตอบไม่ได้เพราะทั้งสองไม่ได้เกลียดกันมาตั้งแต่ก่อตั้ง
เหมือน แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล กับ สเปอร์ส, มิลวอลล์ กับ เวสต์แฮม หรือคู่อริอีกหลายคู่ที่หลายคนรู้กัน เรื่องของ เชลซีและสเปอร์สมันเป็นการก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ และการสะสมความไม่ชอบขี้หน้ากันไปทีละนิด จนกระทั่งสุดท้ายพวกเขาต่างยกให้อีกฝ่ายกลายเป็น “เบอร์ 1” ในแง่ลบของกันและกัน
สเปอร์ส ก่อตั้งสโมสรมาตั้งแต่ปี 1882 และเป็นทีมที่มีชื่อของอังกฤษมานานนม ก่อนเกิดเรื่องกับเชลซีพวกเขาคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ 1901 และ 1921 ก่อนที่จะประสบความสำเร็จกวาดแชมป์มากมายในช่วง 1950s นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมแฟนบอลสเปอร์สจึงเดินยืดในลอนดอนและสร้างอริเอาไว้มากมาย
ขณะที่ฝั่ง เชลซี นั้นก่อตั้งในปี 1905 เรียกได้ว่าก่อตั้งสโมสรหลังสเปอร์สเกือบ 30 ปี ตลอดระยะเวลาช่วงแรก ๆ เชลซีไม่ใช่ทีมที่เก่งกาจนัก พวกเขาไม่เคยคว้าแชมป์รายการใด ๆ ได้เลยจนกระทั่งมาได้แชมป์ดิวิชั่น 1 ในปี 1955 ก่อนจะมีแชมป์รายการอื่น ๆ ตามมา
ช่วงเวลาดังกล่าวคือช่วงเวลาที่แฟนเชลซีเริ่มมีบทบาทและมีปากมีเสียงมากขึ้น พวกเขามองไปยังการเป็นหมายเลข 1 แห่งกรุงลอนดอน ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ไม่ใช่ประเด็น การแสดงตัวในฐานะแฟนบอลของทีมที่เจ๋งที่สุดในเมืองย่อมนำมาซึ่งการสร้างความไม่พอใจให้อีกฝั่ง ซึ่งนั่นคือสิ่งที่แฟนสเปอร์สรู้สึกว่าแฟนของเชลซีนั้นคือพวกที่น่ารำคาญ
ความ “ไม่ชอบขี้หน้า” จึงเกิดขึ้นระหว่างกันหลังยุค 1950s และมาถึงจุดที่ต่างฝ่ายต่างรอคอย นั่นคือศึกเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศปี 1967 เกม ๆ นี้มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “ค็อกนี่ คัพ Final” และมีความหมายต่อแฟนบอลทั้งสองทีมมาก ๆ
ฝั่งเชลซีพร้อมจะน็อกคู่แข่งที่เคยดูถูกเหยียดยามพวกเขามาหลายปี ขณะที่ฝั่งสเปอร์สก็ต้องการชัยชนะในเกมนี้เพื่อยืนยันว่าพวกเขายังเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ที่จะทำให้เชลซีได้แหงนหน้ามองเท่านั้น
เมื่อเกมดังกล่าวจบลง สเปอร์ส เอาชนะ เชลซี 2-0 จากประตู
ของ จิมมี่ กรีฟส์ และ เทอร์รี่ เวนาเบิลส์ ซึ่งทั้ง 2 คนเคยเป็นนักเตะเยาวชนของเชลซีมาก่อน “ผมสรุปสั้น ๆ แทนแฟนเชลซีตอนนั้นเลยก็ยังได้ การได้เห็นอดีตนักเตะของเราอย่างกรีฟส์
และเวนาเบิลส์คว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอังกฤษด้วยการยิงทีมของเราเอง มันเหมือนกับโดนมีดสั้นกรีดเข้าที่หัวใจเลยล่ะ” แฟนเชลซีรายหนึ่ง ให้ความเห็นไว้ในเว็บบอร์ด Reddit ในกระทู้ว่าด้วยเรื่องความบาดหมางของเชลซีและสเปอร์ส
นอกจากเรื่องนักเตะแล้ว หลังเกมยังเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เมื่อหลังเกมจบแฟนบอลยังไม่จบ พวกเขากว่า 100,000 คนที่เข้ามาเป็นสักขีพยานในเวมบลีย์ต่างก่อจลาจลกันหลายจุดจนทำให้มีผู้คนบาดเจ็บมากมาย
และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ต่างฝ่ายต่างเริ่มนับนิ้วรอวันแก้แค้นกันและกัน … ชัดเจนว่าพวกเขายกระดับจากการไม่ชอบขี้หน้ากลายเป็นการเกลียดกันอย่างจริงจังแล้ว
สู้ให้ตายข้าก็ใหญ่กว่า หลังจากการแข่งขันเอฟเอ คัพ ในปี 1967 เรื่องราวของความเกลียดชังยังคงดำเนินต่อไป และยังเป็นสเปอร์สที่ทำได้ดีกว่าเสมอมา ไม่ว่าพวกเขาจะแย่อย่างไรเชลซีก็มักจะแย่กว่าเสมอ นั่นทำให้แฟนเชลซีเป็นเป้าให้แฟนสเปอร์สล้อเลียน
และกดขี่อยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะในปี 1975 ที่ทั้งสองทีมฟอร์มตกจนต้องมาแข่งกันหนีตกชั้น แต่ก็ยังเป็นสเปอร์สที่ยัดเยียดความปราชัย และส่งสิงห์บลูส์ตกสู่ดิวิชั่น 2 พร้อมคำล้อเลียนสุดคลาสสิกว่า “เราส่งพวกแกลงไปยังที่ที่สมควรอยู่”
เดวิด ชิดลี่ย์ จากเว็บไซต์ แฟนคาสต์ของเชลซี เล่าย้อนช่วงเวลาสมัยที่เขายังเป็นเด็กถึงความเกลียดชังนี้ว่า “เด็กสมัยนี้โชคดีมากเลยนะ เพราะตอนที่ผมไปโรงเรียนในช่วงปี 60s-70s เนี่ย ตอนนั้นที่โรงเรียนมีเด็กที่เป็นแฟนบอลทั้งสองทีมพอ ๆ กัน ดังนั้นเมื่อทีมไหนแพ้ คุณก็เตรียมรับมือมหกรรมการเยาะเย้ยแบบข้ามวันข้ามคืนได้เลย”
“เราแพ้บ่อยกว่ามาก และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมไม่เคยลืมสิ่งที่ผมโดนในเวลานั้น ผมเชื่อว่าแฟนเชลซียุคผมก็น่าจะเป็นกันทั้งนั้น พวกเราโตขึ้น พวกเรามีลูก และพวกเราส่งต่อความแค้นนั้นกันเหมือนกับเป็นกรรมพันธุ์เลย”
นอกจากนี้ในช่วงยุค 1980s ความรุนแรงก็ทวีขึ้น แฟนเชลซีที่ส่วนใหญ่มีเชื้อสายแอฟริกัน ยิว หรือเอเชีย มักจะประสบปัญหากับการโดนแฟนสเปอร์สกลุ่มหนึ่งทำร้าย เพราะมีกลุ่มแฟนบอลที่มีชื่อว่า คอมเบท 18 ที่เป็นกลุ่มเหยียดผิวที่จ้องจะเล่นงานแฟนเชลซีทุกทาง